ตะลุยพม่า ตอนที่ 2 หงสาวดี-ย่างกุ้ง

ต่อจากตอนที่แล้วหลังจากที่พวกเราเดินเที่ยวในย่างกุ้งกันค่ะ
ตะลุยพม่า เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้พวกเราเหมารถจากคุณลุงใจดี(ที่ต่อรองราคาจากที่สนามบินในวันแรก) ค่าใช้จ่ายเหมารถต่อวันอยู่ที่ 80 USD เหมาทั้งวัน  รวมน้ำมันไปหงสาและมาเก็บตกชเวดากองในตอนเย็นกันค่ะ  พวกเรานัดเวลาล้อหมุนกันที่ 8 โมงเช้า สร้างสีสันกันนิดหน่อยกับTheme
"นุ่งซิ่นผูกโสร่ง" (เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสักหน่อยนะค่ะ)
พาหนะคู่ใจตลอดการเดินทางของพวกเรา

จาก เมืองย่างกุ้ง สู่เมืองหงสาวดี  ใช้เวลา เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง  หงสาวดี   อดีตเมืองของชาวมอญ  มีสัญลักษณ์เป็น รูปหงส์คู่  จากตำนานของสัญลักษณ์นี้ เล่าต่อๆกันมาว่า  เมื่อครั้งที่ พระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังสถานที่นี้  ได้พบเห็นหงส์สองตัวกำลังว่ายน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน พระพุทธองค์จึงได้ทำนายว่า ต่อไปที่นี่จะกลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง และปัจจุบัน เมืองหงสาวดี ก็เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากเมืองหนึ่งของประเทศพม่า และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และศิลปะ วัฒนธรรม สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศพม่า

+++หง สาวดี  หรือ Bago  ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำพะโค  ปี พ.ศ. 2082  พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สถาปนาเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ตองอู   ในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองที่สุด  เพระองค์ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ที่ชื่อ กัมโพชธานี พระราชวังอันใหญ่โต มโหฬาร โดยการเกณฑ์ข้าทาสจากเมืองขึ้นต่าง ๆ มาสร้าง มีประตูทางเข้าออกถึง 10 ประตู   หลังจากที่ พระเจ้านันทบุเรง ได้ทำศึกยุทธหัตถีแล้ว เสด็จไปประทับ ณ ตองอู เพื่อเตรียมรับทัพพระนเรศวร เมืองหงสาวดี จึงถูกยะไข่ปล้นและเผาเมืองจนหมดสิ้น พระนเรศวรมาถึงหงสาวดีก็เหลือแต่เมืองที่ถูกเผา พระนเรศวรจึงยกทัพไปตีตองอู จึงเป็นจุดจบของกรุงหงสาวดี
                                จากย่างกุ้งสู่หงสา ที่มาภาพ : http://www.oknation.net

+++เดินทางถึงเมืองหงสาวดี  ที่แรกที่พวกเราไปถึงเริ่มจากเจดีย์ชเวมอดอร์  หรือ พระธาตุมุเตา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี ในเขต พระราชวังบุเรงนอง มีประวัติยาวนาน  2,500 กว่าปีมาแล้ว  และเป็น 1ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่า  มีความสูงถึง 114 เมตร พระธาตุมุเตาสูงจนต้องแหงนหน้าจนเมื่อยคอ ถึงจะมองเห็นยอดพระธาตุ  และด้วยสภาพภูมิศาสตร์ ที่ร้อนมากของเมืองหงสาวดี  เวลาเงยหน้าขึ้นไปมองพระธาตุ จนจมูกจะร้อน  ในภาษามอญเรียกว่า "มุเตา"  อีกทั้ง พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้  ได้นำทัพบุกเข้าไปในเมืองมอญ เพื่อทำพิธีเจาะพระกรรณ ตามราชประเพณี  ที่พระธาตุมุเตาแห่งนี้  ด้วยความกล้าหาญของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ พระองค์สามารถผ่าวงล้อมของออกจากกองกำลังตองอูได้อย่างปลอดภัย  หลังจากที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ทรงขึ้นครองราชย์สมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์  ทรงได้ย้ายเมืองหลวงจากตองอู มาเป็น เมืองหงสาวดี  และสืบราชสมบัติ โดย พระเจ้าบุเรงนอง ขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์องค์ถัดมา  พระเจ้าบุเรงนองเอง มีความศรัทธา ในองค์พระธาตุมุเตาเป็นอย่างมากเช่นกัน  พระเจ้าบุเรงนองได้พระราชทานอัญมณีเม็ดใหม่จากพระมงกุฎ ถวายเป็นพุทธบูชาแก่องค์พระธาตุมุเตา ก่อนที่พระเจ้าบุเร็งนองจะออกการศึกทุกครั้ง จะต้องเดินทางไปกราบนมัสการ ขอพรจากพระตุมุเตาก่อน เพื่อให้การออกศึก ได้รับชัยชนะกลับมาทุกครั้ง   พระองค์ได้ขยายอาณาเขตกำแพงเมืองไปจนถึงพระธาตุมุเตา เพื่อพระองค์จะได้มองเห็นองค์พระธาตุอย่างชัดเจน  พระธาตุมุเตาจึงถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่อยู่ในอาณาเขตของพระราชวังบุเรงนอง ในปัจจุบัน ยังคงมีหลักฐานและแผนที่ระบุที่ตั้งของพระธาตุมุเตา ในอาณาเขตของพระราชวังให้เห็นกันอยู่


 เจดีย์ไจ้ปุ่น  หรือ พระนั่งสี่ทิศ ตำนานเล่าขานสืบต่อกันว่า จากตำนานของหญิงสาว 4 พี่น้องที่อุทิศตนแก่พระพุทธศาสนา  ได้สร้างพระพุทธรูป 4องค์ขึ้นมา เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นตัวแทนแห่งการเผยแผ่ ศาสนาของทั้ง 4สาว และได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุรุษได  จนต่อมา หญิงผู้น้องคนที่4 ได้ผิดคำมั่นของตัวเอง ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับบุรุษ เลยเกิดปรากฏการณ์ฟ้าผ่า ลงมาที่ องค์พระพุทธรูป  หนึ่งในพระพุทธรูป 4องค์นี้ มี 1องค์ที่ มีใบหน้าไม่ยิ้มแย้ม ท่านได มีโอกาสไปเที่ยวชม ที่วัดนี้ ลองสังเกตดูนะคะ

เจดีย์ไจ้ปุ่น

ไปต่อยังสถานที่อื่นๆกันเลยค่ะ

ความคิดเห็น